ผ่านครึ่งทางแล้วก็ว่าได้ส่งผล ธุรกิจ สำหรับการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์เป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 20 พ.ย. – 18 ธ.ค. 2565 ซึ่งทั้งโลกมองเห็น 16 ทีมสุดท้าย ที่ฟาดแข้งตระเตรียมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย และน็อคเอาท์ แม้คู่ชิงถัดไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่า “ฟุตบอลโลก” เป็นหนึ่งในกีฬาที่มีจำนวนเงินทางธุรกิจค่า “มหาศาล” เพราะว่านอกเหนือจากเจ้าภาพ “กาตาร์” จะทุบสถิติทุ่มงบประมาณลงทุนสูงเป็นประวัติการณ์กว่า 2 แสนล้านดอลลาร์ หรือประเมินกันราว 7.5 ล้านล้านบาท เพราะเหตุว่าไม่เพียงแค่สร้างสนามแข่ง แต่ยังจำเป็นต้องพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน โรงแรมที่พัก เพื่อรองรับแฟนบอลจากทั้งโลกด้วย
นอกเหนือจากนี้ ยังมีอีกสารพันธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้การสนับสนุนหรือสปอนเซอร์ระดับนานาชาติ อีกทั้งเบียร์ น้ำอัดลม อาหารบริการด่วน อุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์ฯ เสื้อผ้าหรือชุดแข่งของทีมชาติต่างๆรวมถึงลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด ที่ขายไปยังประเทศอื่นๆทำเงินเป็นกอบเป็นกำ
ในประเทศไทย “ฟุตบอลโลก” ทรงอิทธิพลต่อโลกธุรกิจ-การเมืองไม่แพ้กัน แถมมีเรื่องปั่นปวนวุ่นวายก่อนการฟาดแข้ง จากการซื้อลิขสิทธิ์ การถ่ายทอดสดผ่านทีวี และอินเตอร์เน็ตทีวี ตลอดจนการคลำหาตัวเลขจำนวนเงินประชาสัมพันธ์โตไม่โต ฯ
ป่วนปั่นสุดหารายได้ซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด
ถึงแม้ทุกคนจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า 4 ปีจะมีมหกรรมการแข่งขันฟุตบอลโลก แต่เวลาซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดของประเทศไทย เรียกว่าไม่เข้าใกล้เส้นยาแดงผ่าแปด จะยังหาบทสรุปมิได้
เช่นกันกับการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 กว่าที่ภาครัฐจะหารายได้ทุนขึ้นต้นและ “บีบ” เอกชนให้มาร่วมลงขันซื้อไลเซ่นส์ เกือบนาทีสุดท้าย เหตุที่หารายได้มิได้ เพราะเหตุว่าเอกชนต่างเมินลงทุน เพราะเหตุว่ากฎมัสต์แฮฟ ที่บังคับให้จำเป็นต้องถ่ายทอดสดผ่านทีวีแพลตฟอร์มต่างๆซึ่งประเทศไทย คนส่วนใหญ่ก็หันมาดูทีวีผ่านดาวเทียม ครั้นจอดำ ก็แปลงเป็นกระทบผู้ด้อยโอกาส และ เกิดความไม่เท่าเทียม ไม่ทั่วถึง และ ด้วยกฎมัสต์ แคร์รี่อีกทอด
เมื่อเอกชนลงทุน แต่เอามาทำธุรกิจหารายได้แล้ว “ไม่คุ้ม” รัฐจึงจำเป็นต้องออกหน้าหารายได้ และอาศัยพลังของ กสทช.สำหรับในการดึงงบประมาณจากกองทุน กทปส. วงเงิน 600 ล้านบาท “ตั้งต้น” จากนั้นก็เดินทาง “ขอ” ความร่วมแรงร่วมมือให้เอกชนควักเงินร่วมด้วยช่วยกันกว่าจะลงตัว ก็เป็นที่รู้ดีว่าใช้เวลาพอเหมาะพอควร และป่วนไม่น้อย
ช่องนี้ได้สิทธิ์ถ่ายทอดมาก-น้อยไม่เท่าเทียม
เมื่อจ่ายเงินกว่า “พันล้านบาท” เพื่อซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกมาแล้ว ใช่ว่าจะจบ เพราะเหตุว่าความป่วนปั่นยกใหม่เริ่ม เนื่องจากว่าการจับฉลากถ่ายทอดสดถูกดู “ไม่ยุติธรรม ไม่เท่าเทียม” จนถึงทีวีดิจิทัลจำเป็นต้องออกมาร้องรัฐ ให้ทวนเรื่องดังกล่าว เพราะเหตุว่าวงเงินตั้งต้น 600 ล้านบาท ก็มาจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลนำส่งไปยังกองทุนกทปส.เมื่อครั้งประมูลใบอนุญาตประกอบกิจการทีวีดิจิทัล(ไลเซ่นส์)
กลุ่มทรูฯ ควักเงิน 300 ล้านบาท ซื้อสิทธิ์ถ่ายทอดสดทางทีวี อีกทั้งช่องทรูโฟร์ยู และเคเบิลทีวีอย่าง “ทรูวิชั่นส์ครบ 64 แมทช์” และอีก 100 ล้านบาท เพื่อถ่ายทอดผ่าน IPTV อย่าง “ทรูไอดี”
งานนี้ทีวีดิจิทัลบอกไม่ยุติธรรม และแม้ดูกระแสของ “ผู้บริโภค” ทีแรกๆๆต่างทุ่มเทใจยืนอยู่ข้างทรูฯ เต็มสูบ ในฐานะนักลงทุนผู้ทุ่มเงินก้อนโต ลงขันนำฟุตบอลโลกมาให้คนประเทศไทยได้ดู ทีแรกๆคนใดกันมองเห็นต่าง จำเป็นต้องเจอ #ทีมทรู โต้ตอบแบบรู้เรื่องขั้นสุด
ทว่าผ่านไปสักระยะ ปัญหาแพลตฟอร์มโอทีทีอาทิเช่น AIS Play ดูไม่ได้ เริ่มเจอเสียงบ่น “การผูกขาด” หรือ จานดำดูไม่ได้ จนถึงจำเป็นต้องร้องศาลให้ปกป้องชั่วครั้งชั่วคราว ไม่เช่นนั้น “ฟีฟ่า”(FIFA) บางทีอาจลงดาบกับทรูฯ ส่วน กสทช. ได้แอ๊คชั่นหาทางออกหัวข้อนี้พอหอมปากหอมคอ
{ทุกแมทช์การแข่งขัน แฟนๆจะได้เห็นฝีเท้านักเตะดาวดังของแต่ละทีมชาติ ด้วยฟุตบอลเล่นเป็นทีม ทีมแกร่งกว่าย่อมมีโอกาสโชว์ผลงานที่โดดเด่น รวมถึงนักเตะแต่ละคนด้วย
อิทธิพล “ฟุตบอลโลก 2022” เขย่า ธุรกิจ มูลค่ามหาศาล!
เอ็ปปัปเป้โชว์ฟอร์มสุดเจ๋งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ฝรั่งเศส VS โปแลนด์
อย่างนัดฟาดแข้งรอบ 16 ทีมสุดท้าย ระหว่างฝรั่งเศส VS โปแลนด์ ที่ต่างก็มีดาวดัง พร้อมทำลายสถิติ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้ตัวเองและทีมชาติ ทว่า ด้วยความเหนือชั้นของทีมชาติ “ฝรั่งเศส” และฝีเท้าเฉพาะตัวของ “เอ็ปปัปเป้(MBAPPE) ที่ยิง 2 ประตุสุดสวยให้กับทีม เป็นส่วนหนึ่งให้ชนะโปแลนด์เข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป
จบการแข่งขัน “เอ็มปับเป้” ไม่เพียงทำลายสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยไม่ถึง 24 ปีที่ยิงประตูให้ทีมชาติรอบสุดท้ายมากสุดแซงตำนานอย่าง “เปเล่” ไปเรียบร้อยแล้ว ยิ่งกว่านั้น ตัวเขาถูกยกย่องให้กองหน้าสุดอันตรายด้วย และคาดว่า “ค่าตัว” เตรียมพุ่งทะยานแน่นอน
จนกว่าจะถึงวันชิง เชื่อว่าแฟนบอลทั่วโลก ยังได้เห้นฝีเท้านักกีฬาดังคนอื่นๆอีกมากมาย ที่จะฉายแวดเป็นนักเตะฝีเท้าขั้นเทพยิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้
เกาหลีฟีเวอร์ไม่เลิก และผงาดบอลโลก 2022
พิธีเปิดฟุตบอลโลกถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ผู้คนรอคอย และเพลงแต่ละปี ยังถูกเกาะติดว่าจะปังมากน้อยแค่ไหน
อิทธิพล “ฟุตบอลโลก 2022” เขย่าธุรกิจมูลค่ามหาศาล!
จองกุกกับโชว์ ‘Dreamers’ เพลงประจำฟุตบอลโลก 2022
สำหรับปีนี้ “จองกุก” ไอดอลบอยแบนด์แห่งวง “บีทีเอส” ได้ขึ้นโชว์เพลง “Dreamers” พร้อมวาดลวดลายการเต้นที่แข็งแกร่ง เท ได้ใจแฟนคลับและแฟนบอลไม่น้อย
ความร้อนแรงของกระแสเกาหลี ถือว่าสร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับ “ฟีฟ่า” ที่เลือกใช้ศิลปิน K-Pop มาเป็นแม่เหล็ก ดึงฐานคนดูใหม่ๆ และเป็น “อาวุธการตลาด” ในการขยายสู่ตลาดเอเชียด้วย ซึ่งจะเห็นได้ว่า ท่ามกลางการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์ หรือโซเชียล มีเดีย ที่นำเสนอแค่เรื่องราวนักเตะ การแข่งขัน ยอดการมีส่วนร่วมหรือ Engagement ไม่ได้สูงนัก พลันเป็น “จองกุก” โกยยอดไลก์มหาศาล
ไม่เพียงศิลปิน แต่ “นักเตะเกาหลีใต้” หมายเลข 9 นาม “โชคยูซอง” ที่ลงสนามไม่เท่าไหร่ และสร้างผลงานได้อย่างดี ทำให้เข้าตาแฟนๆทั่วโลกจนเกิดปรากฏการณ์ “ดังข้ามคืน” เพราะจากเดิมผู้ติดตาม(Follower)บนอินสตาแกรมของเจ้าตัวกับบัญชี “@whrbtjd” มีผู้ติดตาม 30,000 ราย ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ยอดเกือบแตะ 1 ล้านราย และล่าสุด(ณ วันที่ 5 ธ.ค.65) ผู้ติดตาม 2.3 ล้านรายเรียบร้อย
เจ้าตัวยังเล่นกับกระแส นำรูปหล่อเท่มาลงเอาใจแฟนคลับ แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากความฮอตของนักเตะที่มีฐานแฟนมหาศาล จะมีแบรนด์กีฬาไหนร่วมงาน เพื่อทำเงินปั๊มยอดขายบ้างต้องติดตาม