หลังจากศึก พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2022/23 ผ่านมาถึงครึ่งทาง อาร์เซน่อล ยังรักษาเก้าอี้จ่าฝูงเอาไว้โดยกวาดแต้มไปแล้ว 50 แต้มจากการลงสนาม 19 นัด
จากผลงานนัดล่าสุดที่เปิดบ้านพิชิต แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ทีม ปืนใหญ่ ขยับหนี แมนฯ ซิตี้ รองจ่าฝูงเป็น 5 แต้ม และลงบู๊น้อยกว่า เรือใบสีฟ้า หนึ่งนัด
แน่ๆว่าหากแม้ทางของฤดูกาลจะยังเหลืออีกยาวไกล แต่ปฏิเสธไม่ได้ด้วยเหมือนกันว่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส ฝันถึงการครอบครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกกันแล้วนับตั้งแต่พวกเขาได้โทรฟี่ใบนี้มาเชยชมคราวสุดท้ายในซีซั่น 2003/04
ถึงอย่างไรก็แล้วแต่ มันมีสัญญาณแสดงว่าอาร์เซน่อล จะประสบความสำเร็จในฤดูกาลนี้ อย่างแน่แท้ด้วยเหตุผล 6 ข้อดังต่อไปนี้
1. แผงหลังอย่างหนา อาร์เซน่อล
กาลครั้งหนึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตผู้จัดการทีมฟุตบอลทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เคยตกวาทะว่า “เกมรุกทำให้คุณชนะ แต่เกมรับทำให้คุณได้แชมป์”
เท่าที่ผ่านมา อาร์เซน่อลมีจุดอ่อนในเรื่องเกมรับมาตั้งแต่ช่วงท้ายการคุมทีมของ อาร์แซน เวนเกอร์ อีกทั้ง อูไน เอเมรี่ ก็แก้ไขปัญหาที่ตรงนี้ไม่สำเร็จ แต่ไม่ใช่ มิเกล อาร์เตต้า ซึ่งทำให้ทีมมีเกมรับที่แข็งโป๊ก
ดังจะเห็นว่านาทีนี้ เดอะ กันเนอร์ส เสียประตูใน พรีเมียร์ลีก น้อยที่สุดเป็นอันดับสองรองจาก นิวคาสเซิ่ล เพียงแค่นั้นโดยพวกเขาปล่อยให้คู่แข่งทำประตูได้เพียงแค่ 16 ลูกจาก 19 นัด
จากความยอดเยี่ยมดังกล่าว อาร่อน แรมสเดล นายทวารมือกาว สมควรได้รับคำยกย่องมากพอๆกับบรรดาแผงหลังเพราะว่าเขามีคลีนชีต 9 นัด เป็นรองแค่ นิค โป๊ป นายทวารทีม สาลิกาดง รายเดียวเท่านั้นที่เก็บคลีนชีตได้มากกว่า
เว้นเสียแต่ความเหนียวหนึบของ แรมสเดล แล้ว คู่กองหลังอย่าง วิลเลี่ยม ซาลิบา กับ กาเบรียล มากัลเญส ก็ติดต่อประสานงานกันได้อย่างแน่นแฟ้น ขณะที่ เบน ไวท์ กับ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ สองฟูลแบ็คต่างก็โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ
อีกทั้งจากสถิติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าทีมที่มีเกมรับแกร่งมักครองแชมป์ไปครองได้ในด้านหลังที่สุด ด้วยเหตุนั้นแล้ว อาร์เซน่อลจึงมีคุณสมบัติข้อนี้อยู่ในแบบอย่างชัดเจน
2. ฟอร์มนัดเหย้า อาร์เซน่อล
นับตั้งแต่กล่าวลา ไฮบิวรี่ มาเล่นที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในปี 2006 อาร์เซน่อลแทบไม่ค่อยได้สังสรรค์ใหญ่กันสักเท่าไหร่ด้วยความที่กันว่าบ้านหลังตอนนี้ของพวกเขามีบรรยากาศที่เทียบกับบ้านหลังเก่ามิได้
อย่างไรก็ดี หลังการเข้ารับตำแหน่งกุนซือของ อาร์เตต้า เขาสามารถเนรมิตให้สังเวียนแข้ง ที่นำสมัยเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศ ที่อื้ออึง และทำให้ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เปลี่ยนเป็นสมรภูมิที่น่านับถือของทีมคู่แข่งไปแล้ว
จากการลงเล่นเกมลีกนัดเหย้า 9 นัดในซีซั่นนี้ เดอะ กันเนอร์ส มีผลงานชนะ 8 เสมอ 1 เก็บได้ทั้งหมด 25 แต้มจาก 27 แต้มโดยในจำนวนนี้เป็นเกมปลิดชีพทีมใหญ่อย่าง สเปอร์ส , ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างยอดเยี่ยม
เท่านั้นยังไม่พอ ครึ่งซีซั่นที่ล่วงเลยไป ทีมของ อาร์เตต้า ลงเล่นนัดเยือนมากกว่านัดเหย้าด้วย มันก็เลยแปลว่าพวกเขาเหลือเกมในบ้านตอนครึ่งซีซั่นหลังมากยิ่งกว่าเกมเยือนรวมทั้งหมด 10 นัดด้วยกัน
3. สภาพจิตใจ
ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้อีกเหมือนกันว่าเรื่องของหัวจิตหัวใจเปรียบได้ดั่งข้อเสียที่ทำให้ อาร์เซน่อล ร้างราจากความสำเร็จในนับเป็นเวลาหลายปีหลัง
สำหรับเรื่องนี้ ไม่ต้องมองไปไกลเลย เหตุเพราะซีซั่นก่อนอาร์เซน่อล ล้มฟุบในโค้งสุดท้ายอย่างไม่น่าเชื่อ และมีอันต้องเสียโควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก ให้กับ สเปอร์ส ทีมคู่อริจนได้
“เราไม่ดีพอในหลายปีหลังต่อการร่วมลุ้นคว้าแชมป์ มันเป็นสิ่งที่เราต้องแสดงให้เห็นว่าเราทำได้ แต่คำพูดไม่มีความหมาย เราต้องลงมือทำในสนาม” อาร์เตต้า เอ่ย
“เราต้องมีความสมดุลย์ของสภาพร่างกายและจิตใจ มันเป็นคุณสมบัติที่จำเป็นของทีม คุณจำเป็นต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้หากคุณต้องการประสบความสำเร็จ”
“หากปราศจากสิ่งนี้ คุณจะไม่มีทางต่อสู้อย่างยาวนานเป็นเวลา 11 เดือนได้เลย และเราต้องสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาในทีม”
ถึงในเวลานี้ อาร์เตต้า ประสบความสำเร็จแล้วจากหลักฐานการพาทีมบุก ไปเก็บสามแต้มได้อย่างไม่ตรากตรำทั้งเกมเยือน เชลซี และ สเปอร์ส ในฤดูกาลนี้
เวลาเดียวกัน พวกเขายังแซงชนะ เวสต์แฮม ได้ด้วย รวมทั้ง ฟูแล่ม และ แมนฯ ยูไนเต็ด กับการทำประตูชัยในช่วงท้ายเกมใส่ เจ้าสัวน้อย และ ผีแดงทั้งๆที่ก่อนหน้าที่ผ่านมา อาร์เซน่อล ไม่เคยกลับสู่เกมได้เลยหลังเสียประตูก่อน ถ้าแต่วันนี้นายทัพ ปืนใหญ่ มีพลังซ่อนเร้นอย่างที่มองเห็น
ช่วงเวลาเดียวกัน เชื่อว่าการย้ายมาของทั้ง กาเบรียล เชซุส และ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ อดีตสองจอมบุก แมนฯ ซิตี้ ซึ่งประสบผลสำเร็จได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ เรือใบสีฟ้า มาแล้วช่วยจุดประกายให้ห้องแต่งตัวของ อาร์เซน่อล ให้มีสภาพจิตใจที่หนักแน่นด้วยเหมือนกัน
4. ความยอดเยี่ยมของ โอเดการ์ด และ ซาก้า
เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงมิได้ สำหรับทุกทีมที่คว้าชัยชนะซึ่งจะต้องมีนักเตะ ที่ร่ายเพลงแข้งได้อย่างสุดดีเลิศพร้อมๆกันอย่างต่ำสองราย และสำหรับ อาร์เซน่อล ชุดนี้พวกเขามี มาร์ติน โอเดการ์ด กับ บูคาโย่ ซาก้า เป็นตัวชูโรง
จากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก 19 นัด ซาก้า ซึ่งพัฒนาฝีเท้าได้อย่างรุดหน้าไปๆมาๆกในระยะหลังส่งผลงานยิงได้ 7 ประตูและ 7 แอสซิสต์
ด้านกัปตันทีม โอเดการ์ด กลายเป็นจอมทัพของทีม ปืนใหญ่ เต็มตัวแล้วในซีซั่นนี้จากการระเบิดฟอร์มสุดยอดได้อย่างต่อเนื่องพาทีมกำชัยเป็นว่าเล่น
โดยเหตุนี้แล้ว ซาก้า ก็เลยมีลุ้นคว้ารางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของ พีเอฟเอ ขณะที่ โอเดการ์ด ก็น่าจะได้ลุ้นซิวรางวัลใหญ่ด้วยเช่นเดียวกัน
“เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่าเข้าใจผมไม่ถูก ถ้าหาก ฮาลันด์ ยิงประตูได้อย่างต่อเนื่อง แต่ อาร์เซน่อล ได้แชมป์ลีก โอเดการ์ด จะเป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีสำหรับผม” ริโอ เฟอร์ดินานด์ อดีตกองหลังทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เอ่ยออกมาเมื่อไม่นาน
5. มิได้เล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก
เกิดเรื่องทุกข์ใจอย่างแรงที่ อาร์เซน่อลวืดการคว้าอันดับท็อปโฟร์เมื่อซีซั่นก่อน แต่สำหรับซีซั่นนี้พวกเขาเป็นไปไม่ได้ปล่อยให้โควต้าถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก หลุดมือแน่ไม่ว่าสุดท้ายแล้วทีมลูกหนังแห่งกรุงลอนดอนจะเข้าเส้นชัยซิวแชมป์ลีกได้สำเร็จหรือไม่ก็ตาม
ต่อการพลาดโควต้าดังกล่าว แปลงเป็นเรื่องดีเหมือนกันเพราะเหตุว่า อาร์เซน่อล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทุ่มสมาธิให้กับศึก แชมเปี้ยนส์ลีก รอบน็อกเอาต์เหมือนกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งจะทำให้ทีม ปืนใหญ่ ย้ำผลสรุปของเกม พรีเมียร์ลีก ได้อย่างเต็มที่
และที่สำคัญ ไม่ใช่ความลับหากแม้แต่น้อยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หิวพา เรือใบสีฟ้า คว้าถ้วยหูใหญ่มาครองเป็นสมัยแรกให้ได้เพราะว่ามันเป็นโทรฟี้ใบสุดท้ายที่เขายังนำมามอบให้กับทีมเงินถังไม่สำเร็จ
ถึงช่วงนี้ แม้ กวาร์ดิโอล่า ยังหวังป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก แต่เชื่อเถอะว่าหากแลกเปลี่ยนได้ เขาหวังพาทีมซิวถ้วยหูใหญ่มาถือครองมากยิ่งกว่าซึ่งบางทีอาจเอื้อประโยชน์ให้กับ อาร์เซน่อล ไปโดยปริยาย
ในทางกลับกัน แม้ เดอะ กันเนอร์ส จะต้องลงเล่นเกมกลางอาทิตย์ในถ้วย ยูโรปาลีก แต่ที่ปรึกษาสแปนิชไม่คิดจริงจังอยู่แล้วกับการโรเตชั่นทีมเพื่อเก็บความสดเอาไว้ไล่ล่าแชมป์ พรีเมียร์ลีก เป็นหลัก
6. รอการคัมแบ็คของ เชซุส
อาการบาดเจ็บของ กาเบรียล เชซุส ในศึก ฟุตบอลโลก ถูกเห็นว่าจะบ่อนทำลายจังหวะคว้าชัยชนะ พรีเมียร์ลีก ของ อาร์เซน่อล
แต่เอาเข้าให้จริงๆการร้างสนามไปนานของศูนย์หน้าทีมชาติ บราซิล มิได้ส่งผลเสียต่อ อาร์เซน่อลเลยถึงแม้แต่น้อยในเมื่อพวกเขามี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ฉายฟอร์มเด็ดยิงประตูในลีกได้ 4 จาก 5 นัดนับตั้งแต่เดือนเดือนธันวาคมที่ฟุตบอลลีกกลับมาฟาดแข้งกันอีกรอบ รวมทั้งสองประตูในเกมสยบ แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 ด้วย
อย่างไรก็แล้วแต่ อาร์เซน่อลกำลังคอยการกลับมาของ เชซุส อย่างใจจดใจจ่อเพราะเขากระทุ้งประตูให้ทีมไปแล้ว 5 ลูก และ 6 แอสซิสต์จากการลงเล่นเกมลีก 14 นัดก่อนผละไปรับใช้ชาติ
ด้วยเหตุนั้นแล้ว ถ้า เชซุส ฟิตกลับมาลงสนามเมื่อไหร่ มันก็เปรียบเหมือน อาร์เซน่อลได้นักฟุตบอลใหม่เพิ่มเติมรายซึ่งจะมีผลให้พวกเขามีความน่านับถือมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
สำหรับ แมนฯ ซิตี้ ศึก ฟุตบอลโลก 2022 ทำให้ขุนศึกของ กวาร์ดิโอล่า หมดพลังไปไม่น้อยจากการลงเล่นที่ กาตาร์ รวมกันเป็นจำนวน 4,572 นาที
ผิดกับอาร์เซน่อล ซึ่งนักฟุตบอลของ อาร์เตต้า ลงเล่นให้แผ่นดินกำเนิดรวมกันเพียงแค่ 1,700 นาที และมันจะส่งผลให้พวกเขามีความใหม่เหนือกว่า แมนฯ ซิตี้ อย่างแน่แท้